Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๔๒ฯ๑๓
The Related Suttas Collection 42.13
๑ฯ คามณิวคฺค
1. Chiefs
ปาฏลิยสุตฺต
With Pāṭaliya
เอกํ สมยํ ภควา โกลิเยสุ วิหรติ อุตฺตรํ นาม โกลิยานํ นิคโมฯ อถ โข ปาฏลิโย คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปาฏลิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ:
At one time the Buddha was staying in the land of the Koliyans, where they have a town called Uttara. Then Pāṭaliya the chief went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him:
“สุตํ เมตํ, ภนฺเต: ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี'ติฯ เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ: ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี'ติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉติ? อนพฺภาจิกฺขิตุกามา หิ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตนฺ”ติฯ
“Sir, I have heard this: ‘The ascetic Gotama knows magic.’ Do those who say this repeat what the Buddha has said, and not misrepresent him with an untruth? Is their explanation in line with the teaching? Are there any legitimate grounds for rebuke and criticism? For we don’t want to misrepresent the Blessed One.”
“เย เต, คามณิ, เอวมาหํสุ: ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี'ติ, วุตฺตวาทิโน เจว เม, เต น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี”ติฯ
“Chief, those who say this repeat what I have said, and don’t misrepresent me with an untruth. Their explanation is in line with the teaching, and there are no legitimate grounds for rebuke and criticism.”
“สจฺจํเยว กิร, โภ, มยํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ น สทฺทหาม: ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี'ติ, สมโณ ขลุ โภ โคตโม มายาวี”ติฯ
“Sir, we didn’t believe that what those ascetics and brahmins said was really true. But it seems the ascetic Gotama is a magician!”
“โย นุ โข, คามณิ, เอวํ วเทติ: ‘อหํ มายํ ชานามี'ติ, โส เอวํ วเทติ: ‘อหํ มายาวี'”ติฯ
“Chief, does someone who says ‘I know magic’ also say ‘I am a magician’?”
“ตเถว ตํ ภควา โหติ, ตเถว ตํ สุคต โหตี”ติฯ
“That’s right, Blessed One! That’s right, Holy One!”
“เตน หิ, คามณิ, ตญฺเญเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย, ตถา ตํ พฺยากเรยฺยาสิ—
“Well then, chief, I’ll ask you about this in return, and you can answer as you like.
ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, ชานาสิ ตฺวํ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ”ติ?
What do you think, chief? Do you know the Koliyan officers with drooping headdresses?”
“ชานามหํ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ”ติฯ
“I know them, sir.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, กิมตฺถิยา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา”ติ?
“And what’s their job?”
“เย จ, ภนฺเต, โกลิยานํ โจรา เต จ ปฏิเสเธตุํ, ยานิ จ โกลิยานํ ทูเตยฺยานิ ตานิ จ วหาตุํ, เอตทตฺถิยา, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา”ติฯ
“To put a stop to bandits and to deliver messages for the Koliyans.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, ชานาสิ ตฺวํ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ สีลวนฺเต วา เต ทุสฺสีเล วา”ติ?
“What do you think, chief? Are the Koliyan officers with drooping headdresses moral or immoral?”
“ชานามหํ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม; เย จ โลเก ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา เตสํ อญฺญตรา”ติฯ
“I know that they’re immoral, of bad character, sir. They are among those in the world who are immoral and of bad character.”
“โย นุ โข, คามณิ, เอวํ วเทยฺย: ‘ปาฏลิโย คามณิ ชานาติ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม, ปาฏลิโยปิ คามณิ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม'ติ, สมฺมา นุ โข โส วทมาโน วเทยฺยา”ติ?
“Would it be right to say that Pāṭaliya knows the Kolyian officers with drooping headdresses who are immoral, of bad character, so he too must be immoral and of bad character?”
“โน เหตํ, ภนฺเตฯ อญฺเญ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา, อญฺโญหมสฺมิฯ อญฺญถาธมฺมา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา, อญฺญถาธมฺโมหมสฺมี”ติฯ
“No, sir. I’m quite different from the Koliyan officers with drooping headdresses, we have quite different characters.”
“ตฺวญฺหิ นาม, คามณิ, ลจฺฉสิ: ‘ปาฏลิโย คามณิ ชานาติ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม, น จ ปาฏลิโย คามณิ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม'ติ, กสฺมา ตถาคโต น ลจฺฉติ: ‘ตถาคโต มายํ ชานาติ, น จ ตถาคโต มายาวี'ติ?
“So if you can know those officers of bad character while you are not of bad character, why can’t the Realized One know magic, without being a magician?
มายญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มายาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มายาวี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ
I understand magic and its result. And I understand how magicians practice so that when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell.
ปาณาติปาตญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ปาณาติปาตสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ปาณาติปาตี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ อทินฺนาทานญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, อทินฺนาทานสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ อทินฺนาทายี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ กาเมสุมิจฺฉาจารญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, กาเมสุมิจฺฉาจารสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ กาเมสุมิจฺฉาจารี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ มุสาวาทญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มุสาวาทสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มุสาวาที กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ ปิสุณวาจญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ปิสุณวาจาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ปิสุณวาโจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ ผรุสวาจญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ผรุสวาจาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ผรุสวาโจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ สมฺผปฺปลาปญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, สมฺผปฺปลาปสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ สมฺผปฺปลาปี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ อภิชฺฌญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, อภิชฺฌาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ อภิชฺฌาลุ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ พฺยาปาทปโทสญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, พฺยาปาทปโทสสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ พฺยาปนฺนจิตฺโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ มิจฺฉาทิฏฺฐิญฺจาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มิจฺฉาทิฏฺฐิยา จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มิจฺฉาทิฏฺฐิโก กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตญฺจ ปชานามิฯ
I understand killing living creatures and its result. And I understand how those who kill living creatures practice so that when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. I understand stealing … sexual misconduct … lying … divisive speech … harsh speech … talking nonsense … covetousness … ill will … wrong view and its result. And I understand how those who have wrong view practice so that when their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell.
สนฺติ หิ, คามณิ, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺฐิโน: ‘โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติฯ โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติฯ โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติฯ โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี'ติฯ
There are some ascetics and brahmins who have this doctrine and view: ‘Everyone who kills living creatures experiences pain and sadness in the present life. Everyone who steals … commits sexual misconduct … lies experiences pain and sadness in the present life.’
ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรนฺโตฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส รญฺโญ ปจฺจตฺถิกํ ปสยฺห ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิฯ เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ, อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติฯ
But you can see someone, garlanded and adorned, nicely bathed and anointed, hair and beard dressed, taking his pleasure with women as if he were a king. You might ask someone: ‘Mister, what did that man do?’ And they’d reply: ‘Mister, that man attacked the king’s enemy and killed them. The king was delighted and gave him this reward. That’s why he’s garlanded and adorned, nicely bathed and anointed, hair and beard dressed, taking his pleasure with women as if he were a king.’
ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา, ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา, ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโนฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ, ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส ราชเวรี อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี'ติฯ
And you can see someone else, his arms tied tightly behind his back with a strong rope. His head is shaven and he’s marched from street to street and from square to square to the beating of a harsh drum. Then he’s taken out the south gate and there, to the south of the city, they chop off his head. You might ask someone: ‘Mister, what did that man do?’ And they’d reply: ‘Mister, that man is an enemy of the king, and he has murdered a man or a woman. That’s why the rulers arrested him and inflicted such punishment.’
ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺฐํ วา สุตํ วา”ติ?
What do you think, chief? Have you seen or heard of such a thing?”
“ทิฏฺฐญฺจ โน, ภนฺเต, สุตญฺจ สุยฺยิสฺสติ จา”ติฯ
“Sir, we have seen it and heard of it, and we will hear of it again.”
“ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺฐิโน: ‘โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี'ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วา”ติ?
“Since this is so, the ascetics and brahmins whose view is that everyone who kills living creatures experiences pain and sadness in the present life: are they right or wrong?”
“มุสา, ภนฺเต”ฯ
“They’re wrong, sir.”
“เย ปน เต ตุจฺฉํ มุสา วิลปนฺติ, สีลวนฺโต วา เต ทุสฺสีลา วา”ติ?
“But those who speak hollow, false nonsense: are they moral or immoral?”
“ทุสฺสีลา, ภนฺเต”ฯ
“Immoral, sir.”
“เย ปน เต ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มิจฺฉาปฏิปนฺนา วา เต สมฺมาปฏิปนฺนา วา”ติ?
“And are those who are immoral, of bad character practicing wrongly or rightly?”
“มิจฺฉาปฏิปนฺนา, ภนฺเต”ฯ
“They’re practicing wrongly, sir.”
“เย ปน เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา มิจฺฉาทิฏฺฐิกา วา เต สมฺมาทิฏฺฐิกา วา”ติ?
“And do those who are practicing wrongly have wrong view or right view?”
“มิจฺฉาทิฏฺฐิกา, ภนฺเต”ฯ
“They have wrong view, sir.”
“เย ปน เต มิจฺฉาทิฏฺฐิกา กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุนฺ”ติ?
“But is it appropriate to have confidence in those of wrong view?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรนฺโตฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส รญฺโญ ปจฺจตฺถิกสฺส ปสยฺห รตนํ อหาสิฯ ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิฯ เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติฯ
“You can see someone, garlanded and adorned … ‘Mister, that man attacked the king’s enemy and took their valuables. The king was delighted and gave him this reward. …’ …
ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา …เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโน ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา …เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส คามา วา อรญฺญา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี'ติฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺฐํ วา สุตํ วา”ติ?
And you can see someone else, his arms tied tightly behind his back … ‘Mister, that man took something from a village or wilderness, with the intention to commit theft. That’s why the rulers arrested him and inflicted such punishment.’ What do you think, chief? Have you seen or heard of such a thing?”
“ทิฏฺฐญฺจ โน, ภนฺเต, สุตญฺจ สุยฺยิสฺสติ จา”ติฯ
“Sir, we have seen it and heard of it, and we will hear of it again.”
“ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺฐิโน: ‘โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี'ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วาติ …เป… กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุนฺ”ติ?
“Since this is so, the ascetics and brahmins whose view is that everyone who steals experiences pain and sadness in the present life: are they right or wrong? … Is it appropriate to have confidence in them?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรนฺโตฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส รญฺโญ ปจฺจตฺถิกสฺส ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิฯ ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิฯ เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี …เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติฯ
“You can see someone, garlanded and adorned … ‘Mister, that man had sexual relations with the wives of an enemy king. The king was delighted and gave him this reward. …’ …
ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา …เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโนฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา …เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กุลิตฺถีสุ กุลกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี'ติฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺฐํ วา สุตํ วา”ติ?
And you can see someone else, his arms tied tightly behind his back … ‘Mister, that man had sexual relations with the women and maidens of good families. That’s why the rulers arrested him and inflicted such punishment.’ What do you think, chief? Have you seen or heard of such a thing?”
“ทิฏฺฐญฺจ โน, ภนฺเต, สุตญฺจ สุยฺยิสฺสติ จา”ติฯ
“Sir, we have seen it and heard of it, and we will hear of it again.”
“ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺฐิโน: ‘โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี'ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วาติ …เป… กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุนฺ”ติ?
“Since this is so, the ascetics and brahmins whose view is that everyone who commits sexual misconduct experiences pain and sadness in the present life: are they right or wrong? … Is it appropriate to have confidence in them?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรนฺโตฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส ราชานํ มุสาวาเทน หาเสสิฯ ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิฯ เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มญฺเญ ปริจาเรตี'ติฯ
“And you can see someone, garlanded and adorned … ‘Mister, that man amused the king with lies. The king was delighted and gave him this reward. …’ …
ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโนฯ ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา, ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา, ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี'ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ: ‘อมฺโภ, อยํ ปุริโส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ภญฺชิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี'ติฯ ตํ กึ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺฐํ วา สุตํ วา”ติ?
And you can see someone else, his arms tied tightly behind his back … ‘Mister, that man has ruined a householder or householder’s child by lying. That’s why the rulers arrested him and inflicted such punishment.’ What do you think, chief? Have you seen or heard of such a thing?”
“ทิฏฺฐญฺจ โน, ภนฺเต, สุตญฺจ สุยฺยิสฺสติ จา”ติฯ
“Sir, we have seen it and heard of it, and we will hear of it again.”
“ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺฐิโน: ‘โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี'ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วา”ติ?
“Since this is so, the ascetics and brahmins whose view is that everyone who lies experiences pain and sadness in the present life: are they right or wrong?”
“มุสา, ภนฺเต”ฯ
“They’re wrong, sir.”
“เย ปน เต ตุจฺฉํ มุสา วิลปนฺติ สีลวนฺโต วา เต ทุสฺสีลา วา”ติ?
“But those who speak hollow, false nonsense: are they moral or immoral?”
“ทุสฺสีลา, ภนฺเต”ฯ
“Immoral, sir.”
“เย ปน เต ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มิจฺฉาปฏิปนฺนา วา เต สมฺมาปฏิปนฺนา วา”ติ?
“And are those who are immoral, of bad character practicing wrongly or rightly?”
“มิจฺฉาปฏิปนฺนา, ภนฺเต”ฯ
“They’re practicing wrongly, sir.”
“เย ปน เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา มิจฺฉาทิฏฺฐิกา วา เต สมฺมาทิฏฺฐิกา วา”ติ?
“And do those who are practicing wrongly have wrong view or right view?”
“มิจฺฉาทิฏฺฐิกา, ภนฺเต”ฯ
“They have wrong view, sir.”
“เย ปน เต มิจฺฉาทิฏฺฐิกา กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุนฺ”ติ?
“But is it appropriate to have confidence in those of wrong view?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.
“อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเตฯ อตฺถิ เม, ภนฺเต, อาวสถาคารํฯ ตตฺถ อตฺถิ มญฺจกานิ, อตฺถิ อาสนานิ, อตฺถิ อุทกมณิโก, อตฺถิ เตลปฺปทีโปฯ ตตฺถ โย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา วาสํ อุเปติ, เตนาหํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ สํวิภชามิฯ ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, จตฺตาโร สตฺถาโร นานาทิฏฺฐิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา, ตสฺมึ อาวสถาคาเร วาสํ อุปคจฺฉุํฯ
It’s incredible, sir, it’s amazing! I have a guest house, where there are cots, seats, water pots, and oil lamps. Whenever an ascetic or brahmin comes to stay, I share what I have as best I can. Once it so happened, sir, that four teachers of different views and opinions came to stay at my guest house.
เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโกฯ นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ
One teacher had this doctrine and view: ‘There’s no meaning in giving, sacrifice, or offerings. There’s no fruit or result of good and bad deeds. There’s no afterlife. There’s no such thing as mother and father, or beings that are reborn spontaneously. And there’s no ascetic or brahmin who is well attained and practiced, and who describes the afterlife after realizing it with their own insight.’
เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ
One teacher had this doctrine and view: ‘There is meaning in giving, sacrifice, and offerings. There are fruits and results of good and bad deeds. There is an afterlife. There are such things as mother and father, and beings that are reborn spontaneously. And there are ascetics and brahmins who are well attained and practiced, and who describe the afterlife after realizing it with their own insight.’
เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม'ติฯ
One teacher had this doctrine and view: ‘The one who acts does nothing wrong when they punish, mutilate, torture, aggrieve, oppress, intimidate, or when they encourage others to do the same. Nothing bad is done when they kill, steal, break into houses, plunder wealth, steal from isolated buildings, commit highway robbery, commit adultery, and lie. If you were to reduce all the living creatures of this earth to one heap and mass of flesh with a razor-edged chakram, no evil comes of that, and no outcome of evil. If you were to go along the south bank of the Ganges killing, mutilating, and torturing, and encouraging others to do the same, no evil comes of that, and no outcome of evil. If you were to go along the north bank of the Ganges giving and sacrificing and encouraging others to do the same, no merit comes of that, and no outcome of merit. In giving, self-control, restraint, and truthfulness there is no merit or outcome of merit.’
เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม'ติฯ
One teacher had this doctrine and view: ‘The one who acts does a bad deed when they punish, mutilate, torture, aggrieve, oppress, intimidate, or when they encourage others to do the same. A bad deed is done when they kill, steal, break into houses, plunder wealth, steal from isolated buildings, commit highway robbery, commit adultery, and lie. If you were to reduce all the living creatures of this earth to one heap and mass of flesh with a razor-edged chakram, evil comes of that, and an outcome of evil. If you were to go along the south bank of the Ganges killing, mutilating, and torturing, and encouraging others to do the same, evil comes of that, and an outcome of evil. If you were to go along the north bank of the Ganges giving and sacrificing and encouraging others to do the same, merit comes of that, and an outcome of merit. In giving, self-control, restraint, and truthfulness there is merit and outcome of merit.’
ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อหุเทว กงฺขา, อหุ วิจิกิจฺฉา: ‘โกสุ นาม อิเมสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ อาห, โก มุสา'”ติ?
I had doubt and uncertainty about that: ‘I wonder who of these respected ascetics and brahmins speaks the truth, and who speaks falsehood?’”
“อลญฺหิ เต, คามณิ, กงฺขิตุํ, อลํ วิจิกิจฺฉิตุํฯ กงฺขนีเย จ ปน เต ฐาเน วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา”ติฯ
“Chief, no wonder you’re doubting and uncertain. Doubt has come up in you about an uncertain matter.”
“เอวํ ปสนฺโนหํ, ภนฺเต, ภควติฯ ปโหติ เม ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยนฺ”ติฯ
“I am quite confident that the Buddha is capable of teaching me so that I can give up this state of uncertainty.”
“อตฺถิ, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิฯ เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
“Chief, there is immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.
กตโม จ, คามณิ, ธมฺมสมาธิ? อิธ, คามณิ, อริยสาวโก ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อภิชฺฌํ ปหาย อนภิชฺฌาลุ โหติ, พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, มิจฺฉาทิฏฺฐึ ปหาย สมฺมาทิฏฺฐิโก โหติฯ
And what is immersion based on understanding of principle? It’s when a noble disciple has given up killing living creatures, stealing, sexual misconduct, lying, divisive speech, harsh speech, talking nonsense, covetousness, ill will, and wrong view.
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
Then that noble disciple is rid of desire, rid of ill will, unconfused, aware, and mindful. They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา, สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ
They reflect thus: ‘That teacher who had this doctrine and view: “There’s no meaning in giving, sacrifice, or offerings. There’s no fruit or result of good and bad deeds. There’s no afterlife. There’s no such thing as mother and father, or beings that are reborn spontaneously. And there’s no ascetic or brahmin who is well attained and practiced, and who describes the afterlife after realizing it with their own insight.” If what this good teacher says is true, it’s a safe bet for me to not hurt any creature firm or frail. I win on both counts, since I’m restrained in body, speech, and mind, and when my body breaks up, after death, I’ll be reborn in a good place, a heavenly realm.’
ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
Joy springs up in them. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed in samādhi. This is that immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
Then that noble disciple is rid of desire, rid of ill will, unconfused, aware, and mindful. They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา, สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ
They reflect thus: ‘That teacher who had this doctrine and view: “There is meaning in giving, sacrifice, and offerings. There are fruits and results of good and bad deeds. There is an afterlife. There are such things as mother and father, and beings that are reborn spontaneously. And there are ascetics and brahmins who are well attained and practiced, and who describe the afterlife after realizing it with their own insight.” If what this good teacher says is true, it’s a safe bet for me to not hurt any creature firm or frail. I win on both counts, since I’m restrained in body, speech, and mind, and when my body breaks up, after death, I’ll be reborn in a good place, a heavenly realm.’
ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
Joy springs up in them. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed in samādhi. This is that immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
Then that noble disciple is rid of desire, rid of ill will, unconfused, aware, and mindful. They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ
They reflect thus: ‘That teacher who had this doctrine and view: “The one who acts does nothing wrong when they punish, mutilate, torture, aggrieve, oppress, intimidate, or when they encourage others to do the same. Nothing bad is done when they kill, steal, break into houses, plunder wealth, steal from isolated buildings, commit highway robbery, commit adultery, and lie. If you were to reduce all the living creatures of this earth to one heap and mass of flesh with a razor-edged chakram, no evil comes of that, and no outcome of evil. If you were to go along the south bank of the Ganges killing, mutilating, and torturing, and encouraging others to do the same, no evil comes of that, and no outcome of evil. If you were to go along the north bank of the Ganges giving and sacrificing and encouraging others to do the same, no merit comes of that, and no outcome of merit. In giving, self-control, restraint, and truthfulness there is no merit or outcome of merit.” If what this good teacher says is true, it’s a safe bet for me to not hurt any creature firm or frail. I win on both counts, since I’m restrained in body, speech, and mind, and when my body breaks up, after death, I’ll be reborn in a good place, a heavenly realm.’
ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
Joy springs up in them. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed in samādhi. This is that immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
Then that noble disciple is rid of desire, rid of ill will, unconfused, aware, and mindful. They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุญฺญํ อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ
They reflect thus: ‘That teacher who had this doctrine and view: “The one who acts does a bad deed when they punish, mutilate, torture, aggrieve, oppress, intimidate, or when they encourage others to do the same. A bad deed is done when they kill, steal, break into houses, plunder wealth, steal from isolated buildings, commit highway robbery, commit adultery, and lie. If you were to reduce all the living creatures of this earth to one heap and mass of flesh with a razor-edged chakram, evil comes of that, and an outcome of evil. If you were to go along the south bank of the Ganges killing, mutilating, and torturing, and encouraging others to do the same, evil comes of that, and an outcome of evil. If you were to go along the north bank of the Ganges giving and sacrificing and encouraging others to do the same, merit comes of that, and an outcome of merit. In giving, self-control, restraint, and truthfulness there is merit and outcome of merit.” If what this good teacher says is true, it’s a safe bet for me to not hurt any creature firm or frail. I win on both counts, since I’m restrained in body, speech, and mind, and when my body breaks up, after death, I’ll be reborn in a good place, a heavenly realm.’
ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
Joy springs up in them. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed in samādhi. This is that immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ …เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ …เป…ฯ ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
Then that noble disciple is rid of desire, rid of ill will, unconfused, aware, and mindful. They meditate spreading a heart full of compassion … rejoicing … equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตา นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา อตฺถิ ปิตา อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “กโรโต การยโต, เฉทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุญฺญํ, นตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิฯ
ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺฐิ: “กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิโลฺลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺฐโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํฯ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ ทกฺขิณญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโมฯ อุตฺตรญฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโมฯ ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุญฺญํ, อตฺถิ ปุญฺญสฺส อาคโม”ติฯ สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิญฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยญฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี'ติฯ
They reflect thus: ‘If what this good teacher says is true, it’s a safe bet for me to not hurt any creature firm or frail. I win on both counts, since I’m restrained in body, speech, and mind, and when my body breaks up, after death, I’ll be reborn in a good place, a heavenly realm.’
ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติฯ สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิฯ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสี”ติฯ
Joy springs up in them. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed in samādhi. This is that immersion based on understanding of principle. If you gain such mental immersion, you can give up that state of uncertainty.”
เอวํ วุตฺเต, ปาฏลิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต …เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
When he said this, Pāṭaliya the chief said to the Buddha, “Excellent, sir! Excellent! … From this day forth, may the Buddha remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
เตรสมํฯ
คามณิวคฺโค ปฐโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ
จณฺโฑ ปุโฏ โยธาชีโว, หตฺถโสฺส อสิพนฺธโก; เทสนา สงฺขกุลํ มณิจูฬํ, ภทฺรราสิยปาฏลีติฯ
คามณิสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ
The Related Suttas Collection on chiefs are complete.
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]