Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๕๕ฯ๗
The Related Suttas Collection 55.7
๑ฯ เวฬุทฺวารวคฺค
1. At Bamboo Gate
เวฬุทฺวาเรยฺยสุตฺต
The People of Bamboo Gate
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน เวฬุทฺวารํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา:
So I have heard. At one time the Buddha was wandering in the land of the Kosalans together with a large Saṅgha of bhikkhus when he arrived at a village of the Kosalan brahmins named Bamboo Gate. The brahmins and householders of Bamboo Gate heard:
“สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เวฬุทฺวารํ อนุปฺปตฺโตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติฯ
“It seems the ascetic Gotama—a Sakyan, gone forth from a Sakyan family—has arrived at Bamboo Gate, together with a large Saṅgha of bhikkhus. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ He has realized with his own insight this world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—and he makes it known to others. He teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure. It’s good to see such perfected ones.”
อถ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนญฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ:
Then the brahmins and householders of Bamboo Gate went up to the Buddha. Before sitting down to one side, some bowed, some exchanged greetings and polite conversation, some held up their joined palms toward the Buddha, some announced their name and clan, while some kept silent. Seated to one side they said to the Buddha:
“มยํ, โภ โคตม, เอวงฺกามา เอวํฉนฺทา เอวํอธิปฺปายา—ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวเสยฺยาม, กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุภเวยฺยาม, มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรยฺยาม, ชาตรูปรชตํ สาทิเยยฺยาม, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยามฯ เตสํ โน ภวํ โคตโม อมฺหากํ เอวงฺกามานํ เอวํฉนฺทานํ เอวํอธิปฺปายานํ ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา มยํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวเสยฺยาม …เป… สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยามา”ติฯ
“Master Gotama, these are our wishes, desires, and hopes. We wish to live at home with our children; to use sandalwood imported from Kāsi; to wear garlands, perfumes, and makeup; and to accept gold and money. And when our body breaks up, after death, we wish to be reborn in a good place, a heavenly realm. Given that we have such wishes, may the Buddha teach us the Dhamma so that we may achieve them.”
“อตฺตุปนายิกํ โว, คหปตโย, ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Householders, I will teach you an explanation of the Dhamma that applies to oneself. Listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, โภ”ติ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” they replied. The Buddha said this:
“กตโม จ, คหปตโย, อตฺตุปนายิโก ธมฺมปริยาโย?
“And what is the explanation of the Dhamma that applies to oneself?
อิธ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘อหํ โขสฺมิ ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกูโลฯ โย โข มํ ชีวิตุกามํ อมริตุกามํ สุขกามํ ทุกฺขปฺปฏิกูลํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรํ ชีวิตุกามํ อมริตุกามํ สุขกามํ ทุกฺขปฺปฏิกูลํ ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺยนฺ'ติฯ โส อิติ ปฏิสงฺขาย อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, ปรญฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สมาทเปติ, ปาณาติปาตา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
It’s when a noble disciple reflects: ‘I want to live and don’t want to die; I want to be happy and recoil from pain. Since this is so, if someone were to take my life, I wouldn’t like that. But others also want to live and don’t want to die; they want to be happy and recoil from pain. So if I were to take the life of someone else, they wouldn’t like that either. The thing that is disliked by me is also disliked by others. Since I dislike this thing, how can I inflict it on someone else?’ Reflecting in this way, they give up killing living creatures themselves. And they encourage others to give up killing living creatures, praising the giving up of killing living creatures. So their bodily behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘โย โข เม อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรสฺส อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺยนฺ'ติฯ โส อิติ ปฏิสงฺขาย อตฺตนา จ อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, ปรญฺจ อทินฺนาทานา เวรมณิยา สมาทเปติ, อทินฺนาทานา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to steal from me, I wouldn’t like that. But if I were to steal from someone else, they wouldn’t like that either. The thing that is disliked by me is also disliked by others. Since I dislike this thing, how can I inflict it on someone else?’ Reflecting in this way, they give up stealing themselves. And they encourage others to give up stealing, praising the giving up of stealing. So their bodily behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘โย โข เม ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺเชยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรสฺส ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺเชยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺยนฺ'ติฯ โส อิติ ปฏิสงฺขาย อตฺตนา จ กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, ปรญฺจ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา สมาทเปติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to have sexual relations with my wives, I wouldn’t like it. But if I were to have sexual relations with someone else’s wives, he wouldn’t like that either. The thing that is disliked by me is also disliked by others. Since I dislike this thing, how can I inflict it on others?’ Reflecting in this way, they give up sexual misconduct themselves. And they encourage others to give up sexual misconduct, praising the giving up of sexual misconduct. So their bodily behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘โย โข เม มุสาวาเทน อตฺถํ ภญฺเชยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรสฺส มุสาวาเทน อตฺถํ ภญฺเชยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺยนฺ'ติฯ โส อิติ ปฏิสงฺขาย อตฺตนา จ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปรญฺจ มุสาวาทา เวรมณิยา สมาทเปติ, มุสาวาทา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to distort my meaning by lying, I wouldn’t like it. But if I were to distort someone else’s meaning by lying, they wouldn’t like it either. The thing that is disliked by me is also disliked by someone else. Since I dislike this thing, how can I inflict it on others?’ Reflecting in this way, they give up lying themselves. And they encourage others to give up lying, praising the giving up of lying. So their verbal behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: “โย โข มํ ปิสุณาย วาจาย มิตฺเต ภินฺเทยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรํ ปิสุณาย วาจาย มิตฺเต ภินฺเทยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํ …เป… เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to break me up from my friends by divisive speech, I wouldn’t like it. But if I were to break someone else from their friends by divisive speech, they wouldn’t like it either. …’ So their verbal behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: “โย โข มํ ผรุสาย วาจาย สมุทาจเรยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรํ ผรุสาย วาจาย สมุทาจเรยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม …เป… เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to attack me with harsh speech, I wouldn’t like it. But if I were to attack someone else with harsh speech, they wouldn’t like it either. …’ So their verbal behavior is purified in three points.
ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘โย โข มํ สมฺผภาเสน สมฺผปฺปลาปภาเสน สมุทาจเรยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหญฺเจว โข ปน ปรํ สมฺผภาเสน สมฺผปฺปลาปภาเสน สมุทาจเรยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธมฺโม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺยนฺ'ติฯ โส อิติ ปฏิสงฺขาย อตฺตนา จ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, ปรญฺจ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา สมาทเปติ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฏิปริสุทฺโธ โหติฯ
Furthermore, a noble disciple reflects: ‘If someone were to annoy me by talking silliness and nonsense, I wouldn’t like it. But if I were to annoy someone else by talking silliness and nonsense, they wouldn’t like it either.’ The thing that is disliked by me is also disliked by another. Since I dislike this thing, how can I inflict it on another?’ Reflecting in this way, they give up talking nonsense themselves. And they encourage others to give up talking nonsense, praising the giving up of talking nonsense. So their verbal behavior is purified in three points.
โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ—อิติปิ โส ภควา …เป… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ; ธมฺเม …เป… สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ …เป… อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ …เป… สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ ยโต โข, คหปตโย, อริยสาวโก อิเมหิ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ อิเมหิ จตูหิ อากงฺขิเยหิ ฐาเนหิ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย: ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ'”ติฯ
And they have experiential confidence in the Buddha … the teaching … the Saṅgha … And they have the ethical conduct loved by the noble ones … leading to immersion. When a noble disciple has these seven good qualities and these four desirable states they may, if they wish, declare of themselves: ‘I’ve finished with rebirth in hell, the animal realm, and the ghost realm. I’ve finished with all places of loss, bad places, the underworld. I am a stream-enterer! I’m not liable to be reborn in the underworld, and am bound for awakening.’”
เอวํ วุตฺเต, เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม …เป… เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต”ติฯ
When he had spoken, the brahmins and householders of Bamboo Gate said to the Buddha, “Excellent, Master Gotama! … We go for refuge to Master Gotama, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. From this day forth, may Master Gotama remember us as lay followers who have gone for refuge for life.”
สตฺตมํฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]