Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๓๕ฯ๑๓๓
The Related Suttas Collection 35.133
๑๓ฯ คหปติวคฺค
13. Householders
เวรหจฺจานิสุตฺต
Verahaccāni
เอกํ สมยํ อายสฺมา อุทายี กามณฺฑายํ วิหรติ โตเทยฺยสฺส พฺราหฺมณสฺส อมฺพวเนฯ
At one time Venerable Udāyī was staying near Kāmaṇḍā in the brahmin Todeyya’s mango grove.
อถ โข เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา อนฺเตวาสี มาณวโก เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อุทายินา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ มาณวกํ อายสฺมา อุทายี ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ
Then a boy who was a student of the brahmin lady of the Verahaccāni clan went up to Udāyī and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. Udāyī educated, encouraged, fired up, and inspired that student with a Dhamma talk.
อถ โข โส มาณวโก อายสฺมตา อุทายินา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต อุฏฺฐายาสนา เยน เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวรหจฺจานิโคตฺตํ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ: “ยคฺเฆ, โภติ, ชาเนยฺยาสิฯ สมโณ อุทายี ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี”ติฯ
Then that student went to the brahmin lady of the Verahaccāni clan and said to her, “Please, madam, you should know this. The ascetic Udāyī teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure.”
“เตน หิ ตฺวํ, มาณวก, มม วจเนน สมณํ อุทายึ นิมนฺเตหิ สฺวาตนาย ภตฺเตนา”ติฯ
“Then, student, invite him in my name for tomorrow’s meal.”
“เอวํ, โภตี”ติ โข โส มาณวโก เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “อธิวาเสตุ กิร, ภวํ อุทายี อมฺหากํ อาจริยภริยาย เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา สฺวาตนาย ภตฺตนฺ”ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อุทายี ตุณฺหีภาเวนฯ
“Yes, madam,” he replied. He went to Udāyī and said, “Sir, might Master Udāyī please accept an offering of tomorrow’s meal from my teacher’s wife, the brahmin lady of the Verahaccāni clan.” Udāyī consented with silence.
อถ โข อายสฺมา อุทายี ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี อายสฺมนฺตํ อุทายึ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิฯ
Then when the night had passed, Udāyī robed up in the morning and, taking his bowl and robe, went to the brahmin lady’s home, and sat down on the seat spread out. Then the brahmin lady served and satisfied Udāyī with her own hands with delicious fresh and cooked foods.
อถ โข เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี อายสฺมนฺตํ อุทายึ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ ปาทุกา อาโรหิตฺวา อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา สีสํ โอคุณฺฐิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “ภณ, สมณ, ธมฺมนฺ”ติฯ
When Udāyī had eaten and washed his hand and bowl, she put on a pair of shoes, sat on a high seat, covered her head, and said to him, “Ascetic, preach the Dhamma.”
“ภวิสฺสติ, ภคินิ, สมโย”ติ วตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกมิฯ
“There will be an occasion for that, sister,” he replied, then got up from his seat and left.
ทุติยมฺปิ โข โส มาณวโก เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อุทายินา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ มาณวกํ อายสฺมา อุทายี ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ
For a second time that student went to Venerable Udāyī …
ทุติยมฺปิ โข โส มาณวโก อายสฺมตา อุทายินา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต อุฏฺฐายาสนา เยน เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวรหจฺจานิโคตฺตํ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ: “ยคฺเฆ, โภติ, ชาเนยฺยาสิฯ สมโณ อุทายี ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี”ติฯ
And for a second time that student went to the brahmin lady of the Verahaccāni clan …
“เอวเมวํ ปน ตฺวํ, มาณวก, สมณสฺส อุทายิสฺส วณฺณํ ภาสสิฯ สมโณ ปนุทายี ‘ภณ, สมณ, ธมฺมนฺ'ติ วุตฺโต สมาโน ‘ภวิสฺสติ, ภคินิ, สมโย'ติ วตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกนฺโต”ติฯ
She said to him, “You keep praising the ascetic Udāyī like this. But when I asked him to preach the Dhamma he just said that there would be an occasion for that, and then he got up and left.”
“ตถา หิ ปน ตฺวํ, โภติ, ปาทุกา อาโรหิตฺวา อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา สีสํ โอคุณฺฐิตฺวา เอตทโวจ: ‘ภณ, สมณ, ธมฺมนฺ'ติฯ ธมฺมครุโน หิ เต ภวนฺโต ธมฺมคารวา”ติฯ
“Madam, that’s because you put on a pair of shoes, sat on a high seat, and covered your head before inviting him to teach. For the masters respect the teaching.”
“เตน หิ ตฺวํ, มาณวก, มม วจเนน สมณํ อุทายึ นิมนฺเตหิ สฺวาตนาย ภตฺเตนา”ติฯ
“Then, student, invite him in my name for tomorrow’s meal.”
“เอวํ, โภตี”ติ โข โส มาณวโก เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “อธิวาเสตุ กิร ภวํ อุทายี อมฺหากํ อาจริยภริยาย เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา สฺวาตนาย ภตฺตนฺ”ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อุทายี ตุณฺหีภาเวนฯ
“Yes, madam,” he replied. …
อถ โข อายสฺมา อุทายี ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เวรหจฺจานิโคตฺตาย พฺราหฺมณิยา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี อายสฺมนฺตํ อุทายึ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิฯ
Then the brahmin lady served and satisfied Udāyī with her own hands with delicious fresh and cooked foods.
อถ โข เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี อายสฺมนฺตํ อุทายึ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ ปาทุกา โอโรหิตฺวา นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา สีสํ วิวริตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “กิสฺมึ นุ โข, ภนฺเต, สติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, กิสฺมึ อสติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ น ปญฺญเปนฺตี”ติ?
When Udāyī had eaten and washed his hand and bowl, she took off her shoes, sat on a low seat, uncovered her head, and said to him, “Sir, when what exists do the perfected ones declare that there is pleasure and pain? When what doesn’t exist do the perfected ones not declare that there is pleasure and pain?”
“จกฺขุสฺมึ โข, ภคินิ, สติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, จกฺขุสฺมึ อสติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ น ปญฺญเปนฺติ …เป… ชิวฺหาย สติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, ชิวฺหาย อสติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ น ปญฺญเปนฺติ …เป…ฯ มนสฺมึ สติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, มนสฺมึ อสติ อรหนฺโต สุขทุกฺขํ น ปญฺญเปนฺตี”ติฯ
“Sister, when there’s an eye, the perfected ones declare that there is pleasure and pain. When there’s no eye, the perfected ones don’t declare that there is pleasure and pain. When there’s an ear … nose … tongue … body … mind, the perfected ones declare that there is pleasure and pain. When there’s no mind, the perfected ones don’t declare that there is pleasure and pain.”
เอวํ วุตฺเต, เวรหจฺจานิโคตฺตา พฺราหฺมณี อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเตฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย: ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี'ติ; เอวเมวํ อเยฺยน อุทายินา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, อยฺย อุทายิ, ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสิกํ มํ อโยฺย อุทายี ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
When he said this, the brahmin lady said to Udāyī, “Excellent, sir! Excellent! As if he were righting the overturned, or revealing the hidden, or pointing out the path to the lost, or lighting a lamp in the dark so people with clear eyes can see what’s there, Venerable Udāyī has made the teaching clear in many ways. I go for refuge to the Buddha, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. From this day forth, may Venerable Udāyī remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
ทสมํฯ
คหปติวคฺโค ตติโยฯ
ตสฺสุทฺทานํ
เวสาลี วชฺชิ นาฬนฺทา, ภารทฺวาช โสโณ จ โฆสิโต; หาลิทฺทิโก นกุลปิตา, โลหิจฺโจ เวรหจฺจานีติฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]